กินอย่างรู้ที่มา

เห็นร้านอาหารบางร้านเขาชูเรื่องผัก ก็มีแปลงผักในพื้นที่ บางที่ก็เก็บผัก เก็บผลผลิตได้ คนก็ชอบกัน ชื่นชมกับกระบวนการเก็บเกี่ยวกัน

พอมานึกถึงเนื้อสัตว์ ไม่เห็นจะมีสักร้านที่เขาเอาสัตว์มาเลี้ยง ฆ่าสัตว์โชว์ ให้ลูกค้าฆ่าเอง สัตว์ที่หมายถึงก็พวกหมู วัว ไก่ เป็ด ขาประจำโรงเชือดทั้งหลาย

คงเพราะภาพมันไม่น่าชม เสียงร้องมันไม่น่าฟัง กลิ่นเลือดมันไม่น่าดม เขาก็เลยไม่นิยมกัน ไม่ใช่คุณธรรมอะไรหรอก ก็แค่ไม่สมกาม ไม่สมใจที่อยากเสพ มันไม่ใช่ภาพที่ชอบ ไม่ใช่เสียงที่อยากได้ยิน ไม่ใช่กลิ่นที่อยากดม เขาก็ไม่เอากัน

แต่ที่เขาเอาก็มี พวกสัตว์เล็กที่มันร้องไม่ได้ เลือดไม่นอง กลิ่นไม่แรง ก็พวกกุ้งหอยปูปลาทั้งหลาย พวกนี้บางร้านเขาก็ฆ่ากันสด ๆ เลย จับมันมาใส่บ่อ พอจะกินมันก็จับมันปิ้งกันสด ๆ เลย ถ้าแบบนี้คนชอบ ฆ่ากันแบบสดใหม่เขาก็ยินดีกินกัน

ผมเคยคิดว่าถ้าคนเขากินอย่างรู้ที่มาจริง ๆ เขาอาจจะหยุดกินเนื้อสัตว์ได้ แต่พอมาทบทวนอีกที มันก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะถ้ากามมันจัด มันก็เบียดเบียนสัตว์อื่นเพื่อบำเรอสุขตนเองได้หมดนั่นแหละ

คือรู้ทั้งรู้ว่าสัตว์ต้องตายเมื่อตนเองกิน การกินสัตว์ของตนเองนั้นคือแรงขับเคลื่อนในกระบวนการเลี้ยงล่าค้าขาย เขาก็ไม่หยุด ไม่คิดจะหยุด ไม่ยินดีในการหยุด ปกป้องตนเองเพื่อจะได้ไม่มีวันหยุด

คงเหมือนกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านว่า ในลำดับของจิตที่จะพัฒนาได้ จะต้องมีศีลเสียก่อน ไม่มีศีลก็ไม่มีหิริโอตัปปะ ทุกวันนี้พุทธไม่มีศีลเป็นเบื้องต้นแล้ว จะหวังอะไรกับหิริโอตัปปะหรือธรรมที่สูงกว่านั้น