จนกว่าจะสาแก่ใจ

คุยกับเพื่อนเกี่ยวกับการออกจากนรกคนคู่ (ที่คนทั่วไปมักจะเห็นเป็นสวรรค์) ว่าคนเรานี้จะออกได้ตอนไหน เพื่อนก็พูดคำประมาณว่า “จนกว่าจะสาแก่ใจ” คือให้ทุกข์จนกว่าจะสาสมใจนั่นแหละ ทุกข์ให้มันสะใจไปเลย ถึงตอนนั้นเดี๋ยวเขาก็อยากออกเอง

ถ้ายังรู้สึกสุขกับการมีคู่อยู่ นั่นคือกำลังอยู่บนสวรรค์ลวง ก็วิ่งเล่นเพลิดเพลินไปตามประสาคนไร้เดียงสา ค่อย ๆ สะสมอกุศลกรรม ปั้นแต่งวิบากบาปมุมนั้นมุมนี้ สร้างนรกที่ไม่ได้ฝันไว้ให้ตัวเองอย่างช้า ๆ (บางทีก็เร็ว)

คนจะพ้นทุกข์ได้นี่ประตูแรกต้องรู้จักกับทุกข์เสียก่อน ต้องรู้ว่าสิ่งที่เข้าไปเสพนั้นเป็นทุกข์อย่างไร ถ้ายังมีความเห็นว่ามันเป็นสุขมันจะไม่อยากออก แบบนี้ยังไม่ต้องคุยธรรมะกันให้เสียเวลา ก็ให้ไปลองพิสูจน์ดูจนกว่าจะสาแก่ใจ

บางคนแค่คบหาเป็นแฟนก็รู้จักทุกข์มากพอที่จะออกแล้ว แต่ส่วนใหญ่ต้องมากกว่านั้น ต้องแต่งงาน ต้องมีลูก ต้องโดนทอดทิ้ง ทำร้าย หักหลัก ฯลฯ มันถึงจะสาแก่ใจ …จะว่าไปก็เหมือนพวกมาโซคิสม์ ที่เจ็บแล้วสุข เขาทำร้ายแล้วก็สุข มันก็สุขแบบวิปริตตามประสาคนหลง เช่น ทะเลาะกัน ด่าว่ากัน ตบตีกัน ทำร้ายกันแต่ก็ยังยินดีอยู่ด้วยกัน เพราะมันมีสุขลวงซ้อนอยู่ในทุกข์ ถ้ามีแต่ทุกข์ ไม่มีสุขลวง ไม่มีใครเขามีคู่กันหรอก

จริง ๆ คู่รักมันก็ไม่มีอะไรมากกว่าหาผลประโยชน์(เสพกิเลส)ร่วมกัน ฉันได้จากเธอ เธอได้จากฉัน เราต้องมีกันและกัน เป็นอัตตาก้อนหนึ่ง มัดสองคนรวมกันไว้ ไม่เป็นอิสระ ต้องพึ่งอีกฝ่าย ไม่ตั้งอยู่บนหลัก “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” แต่จะว่าไป…เขาก็ไม่คิดจะพึ่งตนเองตั้งแต่คิดจะไปมีคู่นั่นแหละนะ

ส่วนใครที่แค่เห็นคนอื่นมีคู่แล้วเห็นทุกข์ ก็ยินดีด้วย บางเรื่องไม่ต้องลงไปเล่นเองให้เสียเวลา แต่ถ้าใครอยากเล่นละครครอบครัวพ่อแม่(ลูก) ก็เชิญจนกว่าจะทุกข์จนสาแก่ใจ