วิบากกรรมโหดร้ายจนไม่กล้ามีลูก

พอดีอ่านเจอหัวข้อ “มีใครคิดว่าโลกนี้โหดร้ายจนไม่กล้ามีลูกไหมคะ” ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง

ก็มาระลึกถึงเรื่องนี้ แต่ก่อนสมัยศึกษาธรรมะใหม่ ๆ ผมเองก็ยังหลงอยู่นะ หลงว่าตัวเองเก่งไง แบบว่า เราต้องสอนลูกให้เป็นคนดี ให้เก่งได้แน่ ต้องดูแลเขาได้(ในแบบของเรา) ให้ดีได้แน่ ๆ แหม่ อัตตามันก็พาเก่งเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ละนะ พอหลงว่าเก่ง ก็เลยอยากมีลูกสนองความเก่งด้วยความมั่นใจ

แต่โชคดีที่ขั้นตอนการมีครอบครัวมันไม่ง่ายประกอบกับการศึกษาระหว่างทาง ก็ทำให้พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดแน่ ๆ ถึงเราจะหลงว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่เก่งเกินกรรมหรอกว้า…

ไปศึกษากรณีของพระเจ้าพิมพิสาร สาวกระดับโสดาบัน ถูกลูกตัวเองฆ่าตายได้เหมือนกัน …ยิ่งอ่านยิ่งทบทวน ความอวดเก่งมันก็เริ่มหายไป ท่านขนาดนั้นยังไม่รอด แล้วเราจะไปเหลืออะไร ท่านทำดีมีบารมีสะสมมาระดับเป็นกษัตริย์ที่เก่งและมีคนรักขนาดนั้น วิบากกรรมชั่วยังตามไล่ล่า ไอ้เราก็แค่นี้จะไปรอดอะไร

เท่านั้นแหละ มันเลิกเก่งเลย เพราะรู้ว่าเก่งแค่ไหนก็ไม่ชนะกรรม ถึงคุณจะมีกลยุทธ์ดี มีจิตวิทยาดี มีการวางแผนที่ดี ฉลาดในการแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรับมือกับวิบากกรรมได้ เพราะมันจะมาเหนือเมฆเสมอ คือเหนือกว่าความสามารถของคุณไปอีกนั่นแหละ เก่งแค่ไหน ฟ้าก็ส่งโจทย์มาเหนือกว่านั้น

ให้โจทย์ให้บทเรียนมา จะได้เลิกโง่เลิกหลงซะที มันจะต้องทุกข์ไปถึงไหนถึงจะพอใจ ถึงจะสาแก่ใจ แรก ๆ กิเลสมันก็หลอกเราให้หลงว่า มีลูกแล้วจะได้นั่น ได้โน่น ได้นี่ สารพัด ความสุขบ้างละ ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์บ้างล่ะ มีคนดูแลในอนาคตบ้างล่ะ

สารพัดเหตุผลที่กิเลสมันจะปรุงมาให้ นี่ยังไม่รวมมิตรเฉโกพากันเมากิเลสอีกนะ แต่ละคนก็พกกิเลสกันมาแล้วก็มาแชร์กัน แบ่งปันกัน มีลูกดีอย่างนี้ มีครอบครัวดีอย่างนั้น มันก็พากันไปนรกเลย นี่เขาเรียกคบมิตรชั่ว แต่คนส่วนใหญ่ชอบ เพราะถูกใจกิเลส

มิตรดีนี่ขายออกยากหน่อย พระพุทธเจ้านี่ยอดมิตรดีเลย ท่านตรัสบอก ตั้งตนเป็นโสดนี่คนเขาก็รู้กันว่าเป็นบัณฑิต ส่วนคนโง่ฝักใฝ่ในเรื่องคู่ย่อมเศร้าหมอง (มันก็ต้องมีคู่ก่อนมีลูกละนะ) ส่วนใหญ่เขาไม่มาโสดกันหรอก เขาไปมีครอบครัวกันแทน

เขาก็หลงว่าลูกหรือคู่ครองนี่แหละมิตรดี ไปศึกษาเลย เรื่องพระเจ้าพิมพิสาร ดีขนาดนั้น เก่งขนาดนั้น บารมีขนาดนั้น โดนลูกตัวเองฆ่า

มันไม่แน่หรอกว่าไอ้ที่ออกมาอะไรมันมาเกิด จะเป็นสัตว์นรกหรือเทวดามาเกิด ขนาดว่าพระเจ้าอชาตศัตรู (ลูกพระเจ้าพิมพิสาร) ในตอนท้ายกลับใจมาศรัทธาพุทธศาสนา ซึ่งจริงๆ ท่านก็มีบารมีมากเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะหนีพ้นวิบากได้ โดนโลก โดนคนชั่วพาหลงไปฆ่าพ่อตัวเอง

ดูซิการมีลูกมันน่ากลัวขนาดไหน นี่ร้ายยังน่ากลัวนะ ดียิ่งน่ากลัวกว่า คือมันร้ายลึก ทุกข์แบบหน่วง ๆ เพราะพอมีลูกดีก็จะรักจะห่วง จะกอดลูกไว้ กลัว กังวล หวงห่วง สารพัด พอเขาดีจัดก็ไม่ยอมให้ใคร กอดไว้คนเดียว อาจจะเสพติดความดีของลูกเข้าไปอีก ไปกันใหญ่

สรุปคือไม่มีน่ะดีแล้ว จะดีจะร้ายก็ปล่อยเขาไปเถอะ เขาจะไปเกิดที่ไหนก็เรื่องของเขา ถ้าจิตวิญญาณเขาดีจริง ไปเกิดที่ไหนเขาก็ดีตามธรรมของเขา เราก็ไม่ต้องไปเอาเขาไว้เป็นของเรา

เพราะจริง ๆ แม้เขาจะเป็นลูกที่เกิดจากเรา เขาอาศัยเรามาเกิดก็จริง แต่เขาก็ไม่ใช่ของของเรา เขาก็เป็นตัวของเขา มีเส้นทาง มีวิบากเป็นของเขาเอง ความจริงมันแยกกันชัดเจน มีแต่ตัวเราเท่านั้นแหละ ที่พยายามเข้าไปผูกให้มันเป็นเรื่องเป็นราว ให้เป็นละคร เป็นนิยาย ที่ไม่ยอมจบมาแล้วหลายภพหลายชาติ

สัตว์เลี้ยงดั่งลูกรัก

วันนี้ไปซื้อของที่ห้างหนึ่ง ก็เป็นห้างที่เขาเอาสัตว์เลี้ยงกันมาเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นหมาละนะ

เห็นตั้งแต่คนที่เอาหมามาเดินเล่น เอาหมาใส่รถเข็น เอาหมามาอุ้มไว้บนตัก

ผมเห็นแล้วก็รู้สึก….จะว่าสงสารก็สงสาร ที่เขาขยันสร้างกรรมที่ผูกพันไว้กับสัตว์ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม สิ่งเหล่านั้นจะกลับมาผูกพันกับเราไม่รู้จบ

สัตว์นั้นคือเดรัจฉาน มีภูมิธรรมต่ำมาก ถึงจะเคยเป็นคนก็ต่ำจนเป็นสัตว์ได้นั่นแหละ นั่นหมายถึงเขาเหล่านั้นก็จะวนเวียนเจอกับสัตว์เดรัจฉานและคนเดรัจฉานที่พัฒนาขึ้นมาจากสัตว์

โดยเฉพาะรักเหมือนลูกนี่แหละ ตอนมันเป็นหมาก็ดูเหมือนจะน่ารักดี แต่พอมันเปลี่ยนมาเป็นคนแต่ภูมิธรรมเท่าเดิม ปัญญาเท่าเดิม นี่มันจะทุกข์หนักกันเลยทีเดียว คิดดูเถอะ สมัยนี้ก็มีให้เห็นอยู่เยอะ คนที่มีปัญญาเสมือนเดรัจฉานก็มี ต่ำกว่าเดรัจฉานก็มี

คนที่ไปยินดีในการอยู่กับสัตว์ก็หมายถึงจะต้องวนเวียนเจอกับความเป็นสัตว์ไปเรื่อย ๆ อยากเจอกับสัตว์แบบไหนก็คลุกคลีกับสัตว์แบบนั้น ผูกพันมากๆ กลายเป็นสัตว์ด้วยกันเลยก็ได้

ก็พิจารณาเอาว่าคลุกคลีผูกพันด้วยกรรมกับสัตว์เดรัจฉานกับสัตว์ประเสริฐอะไรมันจะทุกข์น้อยกว่ากัน… เพราะทุกข์นี่มันทุกข์แน่ถ้ายังผูก แต่ก็ต้องเลือกผูกหน่อย

ถ้าผูกกับสัตว์เดรัจฉานก็ทุกข์มากหน่อย ผูกกับสัตว์ประเสริฐก็ทุกข์พอจะกล้ำกลืนฝืนทนกันไป แต่ถ้าผูกกับโพธิสัตว์นี่เขาจะพาไปพ้นทุกข์เอานะ ก็ลองพิจารณากันดู อย่าไปผูกพันกับสัตว์เดรัจฉานนักเลย มันจะทุกข์มาก

กิเลสกับลูก

จากกระทู้ : เพราะรองเท้าคู่ละ59บาท ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาเรารักตัวเอง “ไม่ใช่ลูก”

เคสกิเลสกับลูก ที่เขาเล่ามานี่ก็เข้าใจง่ายดี

คนเรานี่ไปเสพสุขกับตัวตนของตัวเองมันก็พอเห็นได้ง่าย แต่พอตัวเองไปเสพสุขจากภาพสะท้อนตัวตนของตัวเองที่ต้องผ่านคนอื่นนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ

สรุปง่ายๆ คือเอาลูกมาเป็นเครื่องสนองกิเลสตนเองนั่นแหละนะ ก็ลองศึกษาจากเคสนี้กันดูครับ ผมว่าเข้าท่านะ และจะเข้าทีกว่านี้ถ้าเขาหาสามารถค้นพบได้ว่าเขาไปเสพสุขอะไรกับการที่มีคนมีชื่นชมลูก