ตายสังเวยรัก ตายเพราะความยึดมั่นถือมั่น

ข่าวทำร้ายกันหรือฆ่ากันตายเพราะเหตุแห่งความรักที่เกินทนไหว ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นข่าวประจำวันกันเสียแล้ว

รักแล้วไม่ทุกข์นั้นไม่มี รักแล้วไม่ยึดเป็นไปได้ยาก เพราะความหลงจะหลอกให้ไปรัก ความยึดจะเกิดเมื่อรักไปแล้ว ความทุกข์จะปรากฏเมื่อพบเจอการพลัดพราก

คนมักหลอกตัวเองซ้อนเข้าไปว่า ถ้าเข้าไปรักแล้วไม่ยึดมั่นถือมั่นก็จะไม่ทุกข์ แต่จะมีอะไรพิสูจน์ได้ว่าตนเองจะไม่ทุกข์หรือคู่จะไม่ทุกข์ ในภาคทฤษฎีมันก็คิดกันไปได้ แต่ใครล่ะจะลองพิสูจน์สัจจะนี้ด้วยภาคปฏิบัติ

เวลาคนเขารักกันนี่เขาจะไม่พรากกันเลยนะ ไม่หัดพราก ไม่ยินดีในการพราก ใช่ว่าเขารักกันแล้วเขาจะยอมเลิกกันง่าย ๆ ซะที่ไหน ต่อให้เอาสวรร์นิพพานมาล่อเขาก็ไม่เอาหรอกความโสด เขาก็เกาะคู่เขาไว้เป็นสรณะแบบนั้นแหละ

มันจะรู้ว่าเป็นทุกข์ก็ตอนจับแยกกันนี่แหละ จะแยกด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ ถ้ามีความยึดมั่นถือมั่น มันจะมีทุกข์เกิดขึ้นไม่ฝ่ายเราก็ฝ่ายเขา

พรากด้วยความรักก็ทุกข์ พรากด้วยความชังก็ทุกข์ ยิ่งความชังนี่อันตราย ก็เป็นเหตุให้ทำร้ายกันฆ่ากันนี่แหละ พอเลิกกันแล้วไม่ได้ดังใจ ก็ฆ่าเสียเลย ฆ่าบูชาความรัก ฆ่าบูชาความหลง สังเวยให้กับความยึดมั่นถือมั่น

ถ้าเราไม่ได้รักใคร ไม่ได้ให้ความสำคัญกับใคร เราจะไม่ทุกข์เพราะเขาเลย เขาก็จะเป็นคนคนหนึ่งในสังคม ใช้ชีวิตไปในแบบของเขา เราไ่ม่มีจิตชอบใจจะไปยุ่งกับเขา มันก็จะไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวเขา

ในประเด็น รักแล้วไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือรักแล้วพากันทำดี นี่ผมคิดว่ามันเป็นกลกิเลสที่แนบเนียนมาก ในสังคมส่วนมากเขาก็สอนกันแบบนี้ จริง ๆ คือมันจะเป็นช่องเหตุผลอันงดงามให้คนเข้าไปยึดตามที่ถือมั่นไว้นั่นแหละ แต่คนที่หลงไปมีคู่แล้ว ก็คงต้องปฏิบัติตามหลักนั้นไปพลาง ๆ คือ หัดไม่ยึดมั่นถือมั่น ส่วนพากันทำดีนั้น ไม่ต้องให้น้ำหนักมาก ให้เป็นพาตัวเองทำดีให้เต็มที่จะดีกว่า ส่วนคู่เขาจะทำไม่ทำก็เรื่องของเขา เอาตัวเราให้รอดก่อน อย่าไปผูกกับใคร ว่ายน้ำยังไม่แข็งอย่าเพิ่งไปช่วยคนอื่น จะพาจมกันไปทั้งคู่

ไม่อย่างนั้นมันจะเวียนเกิดเวียนตายเพราะความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องคู่อีกหลายชาติ เรื่องนี้ยาก ต้องตั้งใจให้ดี ไม่ประมาท

รักแล้วไม่ทุกข์ เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น ทำได้จริงหรือ?

รักโดยไม่ทุกข์ เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่น” คำความอะไรประมาณนี้ เป็นวาทกรรมที่เขาฮิตกันมานาน เอาเป็นว่าก็เป็นข้ออ้างหนึ่งของกิเลสในการมีคู่นั่นแหละ

จะแปลความข้างต้นให้ไปถูกก็ได้ ให้ผิดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่พอเอาไปใช้จริงมันจะไปทางผิดเสียมากกว่า ดังนั้นจะแปลหรือตีความไปทางไหน สุดท้ายก็อยู่ที่ทุกข์หรือพ้นทุกข์เท่านั้นเอง

ส่วนที่เขาพูด ๆ กันนี่ทำได้จริงไหม ผมมีความเห็นว่า 99.99…% ทำไม่ได้หรอก พอเข้าไปรัก ไปผูกพัน ส่วนมากก็จะหลง สานสัมพันธ์ไปเลยเถิด เหมือนกับว่าหลงไปในเขาวงกตแห่งความสุข สุดท้ายก็ออกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเข้ามายังไง ตั้งแต่ตอนไหน จะออกก็กลัวทุกข์ กลัวเสียใจ

เราสามารถพิสูจน์ ความเชื่อดังกล่าว ได้โดยการ เลิก… ก็เลิกทั้ง ๆ ที่รักอยู่นั่นแหละ เชื่อไหมทุกข์เกิดทันที ไม่เกิดฝั่งเรา ก็เกิดฝั่งเขาหรือไม่ก็เกิดทั้งสองฝั่ง

ลองเลิกยึดดู คบกันอยู่ บอกจะเป็นโสดตลอดชีวิต คิดว่าหลังจากที่พูดออกไป ชีวิตจะอยู่เป็นสุขไหม? แค่จินตนาการไปก็ดูเหมือนจะมีแต่ภาพหายนะทั้งนั้น

คนรักกันคบกันอยู่ เขาจะเลิกยึดกันเอาดื้อ ๆ นี่ไม่ง่ายนะ คนนึงจะไปบวชตลอดชีวิต คิดว่าอีกฝั่งจะยินดีกันง่าย ๆ หรือ ถ้าเขาไม่ยอม เขาก็ตามราวีคุณไปเรื่อย ๆ จองเวรไปทุกชาติ แบบนี้เรียกความผาสุกหรืออย่างไร

…ส่วนรักแล้วไม่ทุกข์เพราะไม่ยึดมั่นที่ถูกคือ ปราถนาดีต่อเขา ช่วยเหลือเขาตามสมควร แต่ก็ไม่นำเขาเข้ามาเป็นตัวเราของเรา เป็นความหวัง ความฝัน ความสุข ความมั่นคง หรือเป็นอนาคตของเรา …ส่วนที่หยาบ ๆ อย่างเอาเขามาเคียงคู่ อันนั้นไกลสุดไกลความผาสุกเลย สภาพเละเทะแบบนั้นถ้าจะรักอย่างพ้นทุกข์ก็ไม่ควรเอามา