…ปล่อยเธอไปได้ไหม

ช่วงนี้ได้ยินประโยคนี้บ่อย เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งของเพลงหนึ่งที่ คนที่เขาก่อสร้างใกล้บ้านเปิดอยู่หลายครั้งในช่วงสองวันนี้

เนื้อหาทั้งหมดของเพลงนั้นก็ปล่อยไปเป็นเรื่องของเพลง มาเล่ากันถึงตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ซึ่งมันดูพร่ำเพ้อโหยหาโอกาสเสียเหลือเกิน

ผมมานั่งคิดถึงการที่เราจะร้องขอให้ เขา/เธอ จงอย่าเป็นทุกข์เลย อย่าไปทำชั่วเลย อย่าได้พบกับทุกข์ภัยเลย …. มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในหลักความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

ฟ้าจะผ่าใคร หรือจะลากใครไปตาย ไปลงนรก ผมจะสามารถร้องขออะไรได้ ในเมื่อนั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ทำมา มิหนำซ้ำหลายสิ่งเขายังทำไปทั้งที่ตั้งใจเสียด้วย

เช่น เราบอกเขาว่าอย่าไปทำแบบนั้น มันจะทุกข์หนัก สุดท้ายเขาก็ไม่เชื่อเรา ไปเลือกทางชีวิตที่ทุกข์ นี่เขาเลือกอย่างตั้งใจ เป็นทางที่เขาภูมิใจ เป็นชั่วที่เขามั่นใจ

แล้วที่นี้จะไปหวังได้อย่างไรให้วิบากกรรมปล่อยเขาหรือเธอไป มันเป็นไปไม่ได้ วิบากจะลากเขาให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัสขนาดไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปร้องขออะไรได้

การอวยพรก็เช่นกัน หลังจากศึกษาธรรมะมาจนถึงวันนี้ ผมไม่มีคำอวยพรใด ๆ ให้ใครเลย จะนึกก็นึกไม่ออก มันไม่มีปัญญา คือคำอวยพรแบบเดิมที่เคยใช้มันผิดสัจจะหมดเลย มันไม่เป็นไปตามกรรม เช่น จะไปอวยพรให้เขาเป็นคนดี สุขภาพดี มันจะเป็นไปได้อย่างไร นั่นเขาคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วอยู่ มันจะออกมาเป็นผลดีได้อย่างไร

ผมเข้าใจเลยว่าทำไมพระพุทธเจ้าเลิกให้พร… แต่ท่านก็ได้ตรัสพรในแบบพุทธว่า อายุ วรรณะ สุข โภคะ พละ ซึ่งแต่ละข้อนั้นไม่ได้มาด้วยการฟังใครพูด ต่อให้พระเกจิยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถพูดให้คนได้สิ่งเหล่านั้นได้ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า อายุนั้นเจริญได้ด้วยอิทธิบาท วรรณะเจริญได้ด้วยศีล สุขเจริญได้ด้วยฌาน โภคะเจริญได้ด้วยพรหมวิหาร พละเจริญได้ด้วยวิมุตติ หมายถึงทำสิ่งที่ว่าจึงจะได้รับพร ไม่ใช่ได้รับพรด้วยการฟังประโยคเหล่านั้น

จนบัดนี้ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะอนุโลมให้พรอย่างไร มันยากจริง ๆ ที่จะพูดให้ไม่ขัดสัจจะ หรือพูดสัจจะโดยไม่ขัดกับโลก … ดังนั้น ถ้าผมไม่ให้พรใด ๆ ก็ขออย่าได้แปลกใจ … นั่นเพราะผมคิดไม่ออก…