รักจะดี เพราะมีศีล

พูดไปใครจะเชื่อ ว่าไปคบหากับคนไม่มีศีลแล้วมันจะทุกข์ มันต้องโดนกับตัวเองน่ะถึงรู้

เอาแค่ไม่มีศีล ๕ นี่ก็ทุกข์จนถึงตายได้เลยนะ ถ้าไม่มีศีลข้อ ๑ เขาก็ทำร้ายคุณ ฆ่าคุณได้ ทุกข์ไหมล่ะ

ไม่มีศีลข้อ ๒ เขาก็เอาเปรียบคุณ เบียดเบียนคุณ ขโมยของรักของคุณด้วยการล่อลวงของเขา เอาแบบไหนดี แบบรักษามาทั้งชีวิตแล้วเขาชิงไปหมด เอาไปย่ำยีขยี้จนหมด มันจะทุกข์ไหมล่ะ

ไม่มีศีลข้อ ๓ อันนี้ล่ะเจ็บปวด คนที่ทำร้ายกันได้เจ็บปวดที่สุดก็คือคนรักกันนี่แหละ สร้างภพ สร้างสวรรค์ขึ้นมา ก็หลงอยู่กับสวรรค์ สุดท้ายเขาเอาเท้าถีบพังทิ้ง เช่น คบหากันมาสิบปี อยู่ ๆ มาเฉลยว่ามีเมียอยู่แล้ว หรือไม่ก็พาคนใหม่เข้ามา แล้วก็ถีบคุณออกไป มันทุกข์ไหมล่ะ

ไม่มีศีลข้อ ๔ นี่ไปกันใหญ่ พางงกันไปหมด ความลวงกลายเป็นความจริง ความจริงไม่ถูกเปิดเผย ลับลวงพราง มีคู่อยู่แล้วก็บอกว่าโสด คบเล่น ๆ ก็บอกว่าคบจริง ๆ พอมารู้ความจริง จะทุกข์ไหมล่ะ

ไม่มีศีลข้อ ๕ นี่กู่ไม่กลับเลย พาเมา พาหลง ชีวิตเหมือนติดบ่วง ต้องเสียเวลา เสียสุขภาพ เสียทรัพย์ เสีย…ฯลฯ ไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องไร้สาระ เรื่องที่ไม่พาให้เกิดความเจริญ เรื่องอบายมุขทั้งหลาย

…นี่ถ้ามีศีล ๕ ก็พ้นทุกข์ไปเยอะแล้ว ถ้าศีล ๘ ศีล ๑๐ นี่ยิ่งหาทุกข์ยากใหญ่เลย คนเรานี่ก็แปลก ชอบทิ้งศีลไปหานรก ชอบแบบทุกข์มาก ไม่อยากทุกข์น้อย พอวันหนึ่งสวรรค์ล่ม ทุกข์มันชนเข้าจริง ๆ มันจะไหวไหมล่ะนั่น?

…คนมีศีลไม่มีศีลนี่ต้องดูกันนาน ๆ คนเราก็มีมารยา มารยาท สร้างภาพ อดทนอดกลั้น จนกระทั่งตอแหลทำให้ดูดีกันได้ บางคนเขาอดทนสร้างภาพมาเป็นสิบสิบปีเลยนะ จะประมาทไม่ได้ ถ้าอยากได้รักดี ๆ ต้องดูกันไป ทำความรู้จักกันไป สิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี สี่สิบปี ….นาน ๆ นั่นแหละ มันจะเห็นความชั่ว ความทุกข์ ที่เกิดจากคนไม่มีศีลหรือคนผิดศีลเอง

ก็ศึกษาจากเรื่องราวในสังคมก็ได้ คนไม่มีศีลคนหนึ่งได้รับผลกรรม เดือดร้อนกันไปหมด เรียกว่าฉิบหายวายวอดเลยก็ว่าได้ ความส่งความสุขนี่ไม่ต้องถามถึง เอาเป็นว่าจะทุกข์ไปถึงเมื่อไหร่ มันไม่พ้นง่าย ๆ หรอก มันจะเป็นตราบาปแปะไว้จนกว่าจะสารภาพทั้งหมดนั่นแหละ คายออกมาทั้งหมดไอ้ที่ทำผิดไว้ แล้วแก้กลับซะ ภาษาพระ เขาว่า ปลงอาบัติ

แต่ก็ยากจะให้คนที่ผิดศีลหรือคนที่ไม่มีศีล ยอมรับผิดแบบกระจ่างแจ้งในบาปที่ตนก่อ ถ้าจะรับก็รับได้แค่ตามมารยาท ได้แค่ลีลา ท่าที แต่จะให้ถึงใจนั้นยากยิ่ง เมื่อใจที่เป็นประธานของการผิดศีลไม่ได้ถูกแก้ เมื่อเหตุไม่ได้ถูกแก้ ผลนั้นก็จะเกิดต่อไปเรื่อย ๆ ชาติแล้วชาติเล่า ชาติต่อไป ครั้งต่อไป รอบต่อไป ไม่จบไม่สิ้น

กินเนื้อสัตว์ ค้าขายเนื้อสัตว์ ฆ่าสัตว์ หิริโอตตัปปะเสมอกัน

คนเสมอกันย่อมคบค้าสมาคมกัน (คนฆ่า=คนขาย=คนกิน)

เปิดพระไตรปิฎกมั่วๆ ไปเจอสูตรนึง มีข้อความตอนหนึ่งว่า “สัตว์จำพวกที่ไม่มีหิริ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่ไม่มีหิริ

สัตว์จำพวกที่ไม่มีโอตตัปปะ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน กับสัตว์จำพวกที่ไม่มีโอตตัปปะ” ( อหิริกมูลกสูตร เล่ม ๑๖ ข้อ ๓๘๐)

ตอนแรกอ่านผ่านๆ ก็นึกไม่ออก ก็ทำใจในใจตามไป โห! สูตรนี้ดีจัง เอามาใช้ประโยชน์ได้ กับเรื่องการไม่กินเนื้่อสัตว์นี่แหละ

คนที่เขาฆ่าสัตว์นี่เขาเป็นคนผิดศีลเป็นประจำเลยนะ จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่เขาก็คิดว่าการฆ่านั้นคุ้มค่าที่จะแลกมาเพื่อการดำรงอยู่ของเขา คนที่ฆ่าสัตว์เป็นประจำนี่น่าคบไหม? ผิดศีลเป็นประจำนี่เป็นคนดีไหม? ไม่มีหิริโอตตัปปะนี่เจริญไหม?

นี่เขาอยู่นอกพุทธไปไกลมากเลยนะ ชาวพุทธที่แท้จริงนี่ศีล ๕ ขั้นต่ำนี่ต้องให้แน่นๆ เลย ทีนี้คนฆ่าเขาก็คบหาสมาคมกับคนขายไง เขาก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เราฆ่านายขาย อันนี้เขาก็มีความเสมอกันแล้ว

ทีนี้คนก็ไปซื้อจากคนขายมา ก็คบค้าสมาคมกับคนขาย มีส่วนได้ส่วนเสียกัน มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ต้องพึ่งพาอาศัยกัน นั่นก็หมายถึงมีความเสมอกันด้วยหิริโอตตัปปะนั่นแหละ เพราะลึกๆ คนกินเนื้อสัตว์ก็ยังยินดีที่เขาฆ่ามา

ถ้าผู้อ่านเข้าใจความในสูตรนี้จะเข้าใจเลยว่า ทำไมใน วณิชชสูตร (เล่ม ๒๒ ข้อ ๑๗๗) ที่ตรัสถึงเนื้อหาการค้าขายที่ชาวพุทธไม่สมควรทำ ว่าไม่ควรค้าขายเนื้อสัตว์ และค้าขายชีวิตสัตว์ อันนี้มันร้อยกันอยู่ มันเข้ากันพอดี

คนฆ่าคนขาย เขาก็มีความเห็นเดียวกัน คนขายคนซื้อกินเขาก็มีความเห็นเดียวกัน ดังนั้นคนฆ่าคนซื้อกินก็มีความเห็นเดียวกัน

รู้อย่างนี้แล้ว อย่ารีรอให้นรกถามหาเลย ควรปฏิบัติให้มากทำให้ความเห็นให้ถูกตรง ให้หิริโอตตัปปะมันเจริญขึ้น ให้มันเจริญไปกว่าคนที่เขาผิดศีลฆ่าสัตว์ ไม่ใช่บอกว่าตัวเองบรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้แต่ดันมีความเห็นตรงกับคนที่ฆ่าสัตว์ มันก็ผิดอยู่ในตัวนั่นแหละ

มงคล ๓๘ ข้อแรกนั้นท่านให้ห่างไกลคนพาล ไม่คบคนพาล …แต่นี่อะไร ไปซื้อเนื้อสัตว์มันก็สนับสนุนให้เขาฆ่าสัตว์อยู่แล้ว ยิ่งเอามากินให้ดูยิ่งกลายเป็นการชักชวนให้คนอื่นกินตามอีก มันก็หลงกันไปใหญ่ อย่างนี้แหละ ติดกระดุมเม็ดแรกผิดก็ผิดไปหมดเลย บรรลุธรรมกันไปนอกขอบเขตพุทธกันไปหมด หลุดกันไปไกลแบบนี้จะกลับมากันได้ไหมนี่ ก็พยายามทำความเข้าใจกันนะ