อุปาทาน น้ำปัสสาวะ เชื้อโรค หรือเชื้อชัง

ข่าวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกระแสน้ำปัสสาวะรักษาโรค ก็ได้คืบหน้ามาจนถึงขั้นมีผู้ที่เอาน้ำปัสสาวะไปส่องกล้องก็พบเชื้อ ที่เขาบอกว่าเป็นเชื้อโรคในน้ำปัสสาวะ

ผมได้ยินแล้วก็เฉย ๆ เพราะจากความรู้ที่รับมานั้น มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว น้ำปัสสาวะจะมีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่เสีย แต่ไม่ได้มีวิจัยแสดงผลว่าเชื้อจุลชีพ ต่าง ๆ ในน้ำปัสสาวะนั้น ทำให้เกิดโรคหรือภัยในร่างกาย ความเห็นต่าง ๆ ที่กล่าวถึงการดื่มหรือใช้น้ำปัสสาวะจะทำให้เกิดโรคและการสะสมของเชื้อโรคนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้น ยังไม่มีงานวิจัยสรุปผลทางสถิติใด มายืนยันสิ่งที่พูดนั้น

การที่น้ำปัสสาวะมันมีเชื้ออะไรอยู่ มันก็เป็นธรรมดา เพราะมันเป็นของเหลวในร่างกายสัตว์ ก็เหมือนกับที่คนกินปลาดิบ ปลาร้า เลือดสัตว์ เนื้อสัตว์สด พวกนี้ผมว่าก็มีเชื้อแบบนี้เหมือนกันหมดแหละ ใครจะทดลองเอาไปส่องกล้องก็แจ้งผลกันด้วย อันนี้เป็นสมมุติฐานของผมนะ ยังไม่มีผลวิจัย แต่ก็เห็นข่าวว่าปลาดิบมีพยาธิอยู่บ่อย ๆ

จริง ๆ คนก็กินเชื้อโรคเหล่านี้ไปในชีวิตประจำวันนั่นแหละ จากอาหารต่าง ๆ ที่กิน ที่นี้ผู้เชี่ยวชาญเขาก็บอกว่า น้ำปัสสาวะนี่มันออกมาเจออากาศภายนอก อากาศมีเชื้อโรค กินเข้าไปจะอันตราย ผมฟังแล้วก็งง ๆ อ้าว แล้วแบบนี้อาหารที่เรากินมันก็เชื้อโรคหมดสิ ทีแบบนี้คุณยังกินกันเข้าไปได้ ไม่ได้มีอาการรังเกียจอะไรเลย

ถ้าใครติดตามข่าว ก็จะเห็นว่าสถาบันวิชชารามได้นำเสนอผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งขึ้นมา เกี่ยวกับผลของการใช้น้ำปัสสาวะบำบัด เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ ก็ได้เห็นความคิดเห็นของผู้ดูเหมือนมีความรู้ในการวิจัยหลายท่านจะมีข้อติเยอะ

จริง ๆ ผมก็เห็นว่างานวิจัยชิ้นนี้มันก็เป็นการเก็บข้อมูลหยาบ ๆ เฉย ๆ มันก็ไว้สำหรับต่อยอดละนะ ที่นี้จากที่ดูตามกระแสเนี่ย ผู้เชี่ยวชาญก็ค่อนข้างเยอะ ก็น่าจะจับกลุ่มตัวอย่างที่มีมากมายมหาศาลเหล่านี้ไปวิจัยเสียเลย ว่าน้ำปัสสาวะเนี่ยมันมีโทษ มันมีผลเสีย จะได้พูดอย่างเต็มปากเสียทีว่ามีงานวิจัยรองรับว่าน้ำปัสสาวะเป็นโทษ ไม่ใช่พูดแบบเดา ๆ กันไปตามอุปาทานที่เคยยึดมั่นถือมั่นมาว่ามันเป็นอย่างนี้ แล้วสิ่งนั้นจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ฉันรู้ฉันเข้าใจไปตลอดกาล

ผมว่าถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปวิจัยต่อนี่มันจะเกิดประโยชน์เยอะนะ แถมการันตีเลยว่า ผลงานวิจัยชิ้นนี้ดังแน่นอน ไม่ใช่วิจัยเสร็จแล้วกลายเป็นกระดาษหมกอยู่ในชั้นหนังสือ เพราะมันเป็นเรื่องที่สังคมอยากรู้ สังคมต้องการรู้

เพราะมันมีผลฝั่งหนึ่งแล้วไง ว่ามันรักษาโรคได้ ทำให้อาการเจ็บป่วยทุเลาได้ แม้กระทั่งเอามาล้างแผล แผลก็ยังหายได้ไว อันนี้เป็นผลวิจัยที่เกิดขึ้นโดยบุคคล ใช้จริง ปฏิบัติจริง ไม่ใช่ภาคทฤษฎีหรือข้อสังเกตุ คนใช้เขาก็รู้ด้วยตัวเอง ว่าเอ้อ มันได้ผลนะ มันดีนะ มันแตกต่างนะ

ก็ใช่ว่าคนที่กินฉี่ หรือใช้น้ำปัสสาวะรักษาโรคนี่เขาจะไม่เคยใช้การรักษาแผนปัจจุบันซะที่ไหน เขาก็เคยใช้กันมาหมดแล้วนั่นแหละ แล้วโดยมากที่เขามากินนี่ เขาไม่ได้เต็มใจหรอก แต่มันจำใจ ก็โรคมันไม่หาย อาการไม่สบายมันไม่หาย ก็เขาไปรักษาแผนวิทยาศาสตร์สุดทันสมัยแล้วมันไม่หาย เขาก็เลยต้องหาทางออกคือมาใช้น้ำปัสสาวะ อ้าว แล้วทีนี้มันหาย มันได้ผล เขาก็ใช้กันต่อเนื่อง แพร่หลายกันมาเรื่อย ๆ จนเป็นกระแสนี่แหละ

ถ้ามันเป็นเชื่อโรค เชื้อร้ายจริง ทำไมคนถึงหายจากโรค ทำไมถึงเป็นอยู่ผาสุก แข็งแรง ยังขยันทำงานได้สบาย ๆ มันน่าจะมาวิจัยตรงนี้นะ ว่าทำไมคนดื่มและใช้น้ำปัสสาวะที่น่าจะติดเชื้อโรคกลับได้ผลตรงกันข้ามกับสมมุติฐานหรือข้อคิดเห็นของนักวิชาการหรือคนทั่วไป แล้วไอ้ที่เดา ๆ กันว่าสะสมผล นี่มันเท่าไหร่ มันดีกรีเท่าไหร่ พูดให้มันดูน่ากลัวไปรึเปล่า เมื่อเทียบกับบุหรี่หนึ่งมวนกับการใช้น้ำปัสสาวะ อันไหนมันน่ากลัวกว่ากัน บุหรี่ก็เป็นโทษ ชัด มีคำเตือน มีแต่โรคร้าย แต่กลับดูไม่น่ากลัวเท่าการใช้น้ำปัสสาวะ

ก็ลองทำใจตามกันดู ก็ให้เห็นใจตัวเองหน่อยว่ามันมีอคติอะไรรึเปล่า ทีปลาร้ายังกินได้ ชอบด้วย เชื้อโรคเต็มเลยนะนั่น บางเจ้าบอกยิ่งเน่าหนอนขึ้นยิ่งอร่อย ที่เขาขายได้เพราะคนชอบไง นั่นเชื้อโรคทั้งนั้น คุณก็กินกันด้วยความสบายใจ พอเป็นน้ำปัสสาวะ อยู่ในร่างกายแท้ ๆ เชื่อโรคแรงสุดเท่าที่มันมีก็คือตัวที่เคยอยู่ในร่างกายนั่นแหละ มันไม่แรงเท่าที่ร่างกายเคยมีหรอก แต่ปลาร้าปลาดิบนี่มันเชื้อโรคข้างนอกชัด ๆ ยังกล้าเอาเข้ามา คนมีอุปาทานนี่เขาดูสับสนจริง ๆ รักอันนั้น ชังอันนี้ ทั้ง ๆ ที่มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ