ช่วยคนอยากมีคู่นี่มันยาก

คนที่เขาอยากมีคู่นี่เขาจะไม่ฟังธรรมที่พาไปโสดเลยนะ ได้ยินก็ปิดใจ ไม่พิจารณา พอความอยากมาก ๆ นี่เปลี่ยนไปฟังธรรมะอื่นเลย ธรรมะที่พาให้รื่นเริง อิ่มเอมใจในการมีคู่ อันนั้นเขาชอบ ถูกใจ เขาฟังได้ แต่ธรรมที่พาไปโสดนี่เขาไม่ยินดี

แต่ก่อนผมก็เคยอยากมีนะคู่ครองนั่นน่ะ มันก็เคยโง่มาก่อนไง แต่ดีที่ผมมีศรัทธาตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวในคำสอนของครูบาอาจารย์ พอดีอาจารย์ที่ผมนับถือท่านสอนประโยชน์และโทษตามจริงของการมีคู่โดยอ้างอิงพระไตรปิฎก เราก็ฝึกพิจารณาตามนั่นแหละ ไม่ฟังธรรมอื่นใด ๆ สำนักไหนเขาจะพูดเรื่องคู่ยังไงเราไม่สน เรามีปัญญาเราก็รู้สิอันไหนมิจฉาทิฏฐิ อันไหนสัมมา ว่ากันตรง ๆ จากที่ผมอ่านมาหลายคนจนถึงวันนี้ผมยังไม่เจอคนที่ผ่านเรื่องคู่กันจริง ๆ เลย นอกจากสายที่ผมปฏิบัติ

พอผ่านได้มันจะรู้เลยว่าความเห็นนี้มิจฉา มันจะพาให้ไปมีคู่ อันไหนอนุโลม อันไหนกิเลส ทิศมันจะต่างกัน องศาต่างกันนิดเดียวมันก็พากันไปคนละทางแล้ว อย่างคนอยากมี ไม่ยินดีมี หรือคนติดคู่ มันจะรู้ได้ กลิ่นมันจะออก เหมือนที่พระพุทธเจ้าว่ากลิ่นศีลย่อมหอมฟุ้งไปไกล เช่นเดียวกับคนอยากมีคู่หรือคนยังหลงในเรื่องคู่ มันจะมีลีลาอาการหรือความเห็นที่บอกอยู่ว่ายังไม่พ้น

ถ้าเขาเขียนเป็นหนังสือนี่ก็ง่ายหน่อย อ่านดูมันก็รู้แล้ว แต่ถ้าเป็นบุคคลทั่วไปนี่ต้องใช้เวลาศึกษาบ้าง แต่ก็รู้ได้ไม่ยาก

ธรรมะปัจจุบันนี่มัน Red ocean ทะเลแดงเดือดที่ฉ่ำไปด้วยกามและอัตตาปนกันอยู่ในนั้น จะกล่าวถึงเรื่องคู่อย่างเดียวแล้วกัน คือธรรมที่พาให้หลงเสพยินดีในการมีคู่ก็เยอะ คืออ่าน ศึกษา ทำใจตามไปแล้วจะรู้สึกว่ามีคู่ได้ มีคู่ก็ดี มีคู่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร อารมณ์ประมาณนี้ ส่วนธรรมที่พาให้หลงติดหลงยึดในในคู่มันก็เยอะอีก เช่นพวกคู่บุญ คู่บารมี อะไรพวก ๆ นี้แหละ

จริง ๆ ถ้าเขารู้ว่ามันเป็นแค่อุปทานเพราะเสพกันมาหลายชาติเขาก็คงจะไม่กล้านำเสนอเรื่องนี้กันมาก คนส่วนใหญ่ก็มีแค่นี้แหละ เสพคบคุ้นกันมาหลายชาติ ของมันเคยไง พอมาเจออีกมันก็ชอบตามที่มันเคยชอบ มันก็จะมีเหตุให้รู้สึกพิเศษ ถึงไม่มีกิเลสมันก็หาให้มีจนได้นั่นแหละ

ถ้ามันไม่ถึงขั้นเขาคลุมถุงชนให้แต่งหรือบริบทของชีวิตบังคับก็ไม่ต้องไปแส่หามันหรอกเรื่องคู่ มีกันทุกคนอยู่แล้ว เรื่องคู่นี่มันเป็นเรื่องต่ำ ๆ เสพกันมาตั้งแต่ยังเป็นสัตว์ ตั้งแต่ยังเป็นเดรัจฉาน มันก็ถูกใจติดใจ สืบภพต่อมาเรื่อย ๆ เป็นคนก็ยังไม่เลิก สร้างนิทาน สร้างตำนานมาหลอกตัวเองซ้อนอีกต่อให้การมีคู่ครอง มีลูกหลานดูเป็นเรื่องปกติ

หลอกตัวเองไม่พอ ยังไปโดนคนอื่นหลอกต่ออีก ไปอยู่ในสังคมที่ยินดีในการมีคู่มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งศรัทธาในคนที่ยินดีในการมีคู่นี่มันไปไม่รอดเลย เวลาสอนมันจะไม่ขาด ไม่ชัด มันจะนัว ๆ และเอนเอียงไปทาง มีคู่มันก็ดีนะ อะไรประมาณนั้น มันจะไม่พาไปทางเลิกเสพ

ทีนี้คนเขาก็มีสิทธิเลือกไง ใครจะไปห้ามได้ ถ้าเขาอยากมีคู่ เขาก็ไปฟังธรรมที่ยินดีในการมีคู่ เขาก็ไปมีคู่ได้อย่าง happy ending (ตามที่เขาคิด) ส่วนธรรมที่พาไปโสดนี่ขายไม่ค่อยออกหรอก พอจะดามใจได้ตอนอกหักได้บ้าง แต่ถ้าไม่เอาจริงเดี๋ยวก็เวียนกลับไปเสพใหม่

เพราะอะไร? ก็เพราะติดมาหลายชาติไง